เลเวอเรจ (Leverage) คืออะไรใน Forex เลเวอเรจ เท่าไหร่ดี มือใหม่

Leverage คือ อะไร

เลเวอเรจเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักลงทุนเทรดด้วยปริมาณที่มากกว่าเงินทุนที่พวกเขามีหลายเท่า อย่างไรก็ตาม การใช้เลเวอเรจเป็นเหมือนดาบสองคม มันไม่เพียงช่วยให้คุณเพิ่มผลกำไรแต่ยังเพิ่มความเสี่ยงในการสูญเสียเงินทุนหากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับการคาดการณ์ของคุณ แล้ว Leverage คือ อะไร วิธีใช้เลเวอเรจ สําหรับมือใหม่ในตลาด forex มาหาคำตอบกับ Nolan for Congress ผ่านบทความด้านล่างกันนะ

Leverage คือ อะไร

เลเวอเรจเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้เทรดเดอร์เปิดคำสั่งเทรดในปริมาณที่มากกว่าเงินทุนที่มี กล่าวง่ายๆ การใช้เลเวอเรจเปรียบเสมือนการยืมทุนเพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ในการทำกำไร เลเวอเรจมักจะแสดงเป็นอัตราส่วน เช่น: 1:2 1:5 1:100 1:500 1:2000 เป็นต้น โดยปกติ ยิ่งเลเวอเรจสูง มาร์จิ้นเริ่มต้นก็จะยิ่งต่ำลง

Leverage คือ อะไร

เลเวอเรจสามารถช่วยให้นักลงทุนทำกำไรได้เยอะแต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนอีกด้วย ดังนั้นควรใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวังและมีแผนการจัดการความเสี่ยงเฉพาะควบคู่ไปด้วย

ตัวอย่าง: คุณมีมาร์จิ้นขั้นต่ำ 200 USD แต่ต้องการเทรดด้วยปริมาณที่ใหญ่ขึ้นเป็น 100,000 USD ณ จุดนี้ คุณจะใช้เลเวอเรจ 1:500

>>> ดูข้อมูลเพิ่มเติม: สวอป คืออะไร

ข้อดี-ข้อเสียของการใช้เลเวอเรจใน Forex

ในการเทรด Forex เทรดเดอร์เกือบทั้งหมดใช้เลเวอเรจ เครื่องมือนี้ให้ประโยชน์มากแก่เทรดเดอร์แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงเยอะเช่นกัน เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับเลเวอเรจใน Forex เรามาเรียนรู้เกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของเลเวอเรจด้านล่างนี้:

ข้อดี

  • ไม่ต้องใช้เงินทุนเยอะ: เลเวอเรจช่วยให้นักลงทุนเข้าสู่ตลาดได้โดยไม่ต้องลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก สิ่งนี้สามารถช่วยให้นักลงทุนใช้เงินทุนได้อย่างเหมาะสมที่สุด 
  • ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้: เนื่องจากไม่ต้องใช้เงินทุนมาก แม้แต่ 1 USD ก็สามารถเทรดได้ ดังนั้นทุกคนสามารถเทรด Forex และรับผลกำไรได้
  • การขยายผลกำไร: เลเวอเรจช่วยให้นักลงทุนเทรดด้วยจำนวนเงินที่มากกว่าเงินทุนของพวกเขา สิ่งนี้จะเพิ่มโอกาสในการทำกำไรหากเทรดเดอร์คาดการณ์แนวโน้มของตลาดได้อย่างแม่นยำ

เลเวอเรจ

ข้อเสีย

  • ความเสี่ยงในการเสียเงินทุน: ด้านพลิกของการใช้เลเวอเรจคือความเสี่ยง นอกจากเพิ่มความเป็นไปได้ในการทำกำไรแล้ว เลเวอเรจยังเพิ่มความเสี่ยงในการเสียเงินทุนอีกด้วย หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับการคาดการณ์ของเทรดเดอร์ เขาอาจสูญเสียเงินจำนวนมากได้
  • สร้างแรงกดดัน: เมื่อใช้เลเวอเรจ ความผันผวนเล็กน้อยในตลาดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางการเงิน ซึ่งสามารถสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อเทรดเดอร์
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด stop out บัญชี: หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับการคาดการณ์ของคุณอย่างรุนแรง คุณอาจสูญเสียบัญชีเทรดทั้งหมดอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้เลเวอเรจสูง

โดยสรุป เมื่อใช้เลเวอเรจ การบริหารความเสี่ยงมีความสำคัญอย่างยิ่ง นักลงทุนจำเป็นต้องมีแผนการเทรดเฉพาะและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

วิธีคิดเลเวอเรจใน Forex

เลเวอเรจใน Forex คำนวณจากอัตราส่วนระหว่าง ทุนที่เทรดได้ และ ทุนที่นักลงทุนมี ตัวอย่างเช่น หากเลเวอเรจอยู่ที่ 1:100 หมายความว่าสำหรับทุกหน่วยเงินที่คุณมีในบัญชีเทรด คุณสามารถเทรดเงินได้ 100 หน่วย ดังนั้น เมื่อใช้เลเวอเรจ นักลงทุนจำเป็นต้องอาศัยจำนวนมาร์จิ้นในบัญชีเพื่อคำนวณอัตราส่วนเลเวอเรจที่พวกเขาสามารถใช้ได้

สูตรการคำนวณเลเวอเรจตามมาร์จิ้นคำนวณดังนี้:

ระดับเลเวอเรจ = ล็อต x ปริมาณสัญญา/มาร์จิ้น

ตัวอย่าง: นักลงทุนเทรด EUR/USD 2 ล็อต ปริมาณสัญญาคือ 100,000 EUR จำนวนมาร์จิ้นที่นักลงทุนมีคือ 100 EUR

การใช้สูตร เราสามารถคำนวณเลเวอเรจได้ดังนี้ 2 * 100,000 / 100 = 2000

=> เลเวอเรจที่เทรดเดอร์สามารถใช้ได้คือ 1:2000

โบรกเกอร์ forex แต่ละรายจะให้ระดับเลเวอเรจที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของบัญชีในโบรกเกอร์ ตัวอย่างเช่น: โบรกเกอร์ Exness 1:2000 โบรกเกอร์ Tickmill 1:500, โบรกเกอร์ FBS 1:3000 เป็นต้น นักลงทุนควรเลือกอัตราส่วนเลเวอเรจที่เหมาะสมเพื่อสามารถทำกำไรได้ในการเทรด

การเลือก เลเวอเรจ เท่าไหร่ดี

เลเวอเรจเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างเสี่ยงเพื่อให้นักลงทุนได้กำไรสูงสุด การเลือกเลเวอเรจที่เหมาะสมเป็นข้อกังวลของเทรดเดอร์จำนวนมากในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ไม่มีคำตอบที่เจาะจง เนื่องจากการเลือก เลเวอเรจจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ มากมาย รวมถึง: ระดับการยอมรับความเสี่ยง แผนการเทรดของเทรดเดอร์ ตลอดจนประสบการณ์และความรู้ในตลาด forex …

ในการเลือกเลเวอเรจที่เหมาะสม นักลงทุนสามารถดูคำแนะนำด้านล่าง:

  • เลเวอเรจ สําหรับมือใหม่

สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์มากนักในการเทรดในตลาด forex  การเลือกเลเวอเรจต่ำจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เราขอแนะนำให้คุณเลือกเลเวอเรจต่ำสุดที่ 1:10, 1:20 หรือสูงกว่าคือ 1:100 เพื่อลดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด Trader สามารถใช้เลเวอเรจต่ำเพื่อสัมผัสกับการเทรดและทำความคุ้นเคยกับตลาด หลังจากมีความรู้บางอย่างแล้ว คุณสามารถค่อยๆ เพิ่มระดับเลเวอเรจได้

  • เลเวอเรจ สําหรับ trader มีประสบการณ์:

สำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ มีความรู้เกี่ยวกับตลาด forex  รู้วิธีจัดการความเสี่ยง สามารถใช้เลเวอเรจสูงที่ 1:500 หรือมากกว่าได้ นี่คืออัตราส่วนเลเวอเรจที่ถือว่าเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ แม้ว่าความเสี่ยงจะสูง แต่ผลกำไรก็น่าดึงดูดอย่างยิ่งเช่นกัน 

หมายเหตุเมื่อใช้เลเวอเรจในการเทรด forex 

หากต้องการใช้เลเวอเรจในการเทรด Forex อย่างปลอดภัย นักลงทุนจำเป็นต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้:

  • ตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit

การตั้งค่า Stop Loss (คำสั่งหยุดการขาดทุน) ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถปิดคำสั่งได้ทันทีเมื่อตลาดไม่เป็นไปตามแนวโน้มที่คาดการณ์ไว้ จำกัดการขาดทุนถูกให้อยู่ในระดับคงที่ ซึ่งช่วยให้ผู้เทรดลดความเสี่ยงและการขาดทุนให้เหลือน้อยที่สุด

การตั้งค่า Take Profit (คำสั่งขายทำกำไร) ช่วยให้นักเทรดกำหนดเป้าหมายกำไรในระดับที่เหมาะสม ดังนั้น เทรดเดอร์จะได้รับผลกำไรที่พึงพอใจโดยไม่ต้อง “พยายามอีกสักหน่อย” เพื่อนำไปสู่การสูญเสียที่ไม่คาดคิด

leverage forex

  • เลือกเลเวอเรจที่เหมาะสมตามปริมาณการเทรด: 

แม้ว่าเลเวอเรจจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางคำสั่งเทรดด้วยมูลค่าที่สูงกว่าเงินทุนเริ่มต้น แต่ไม่ใช่เพื่อให้สามารถสั่งซื้อในปริมาณที่มากเกินไปได้ ปริมาณการเทรดมากเกินไป นำไปสู่ margin ที่มากขึ้น แม้ว่ากำไรจะเยอะต่ความเสี่ยงก็สูงมากเช่นกัน ดังนั้น กำหนดปริมาณการเทรดที่เหมาะสมเพื่อให้มีระดับเลเวอเรจที่เหมาะสมที่สุด!. 

  • มีแผนการเทรดเฉพาะ

เลเวอเรจไม่ใช่กลยุทธ์การเทรด แต่เป็นเพียงเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณใช้กลยุทธ์การเทรดได้ เลเวอเรจสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ไม่สามารถพัฒนาทักษะการเทรดของคุณได้ ดังนั้นวิเคราะห์ตลาดและมีแผนการเทรดเฉพาะก่อนที่จะเปิดตำแหน่งการเทรด

สรุป

การเลือก เลเวอเรจ ที่เหมาะสมในแต่ละธุรกรรม forex สามารถช่วยให้คุณทำกำไรได้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้เลเวอเรจ คุณต้องมีแผนการเทรดและการจัดการความเสี่ยงที่เฉพาะเจาะจง หวังว่าการแบ่งปันข้างต้นจะช่วยให้คุณเข้าใจ Leverage คืออะไร ได้ดีและรู้วิธีใช้เลเวอเรจอย่างมีประสิทธิภาพในการเทรด forex

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *